วิธีการเลือกใช้ปั๊มลมให้เหมาะสมกับงาน
1. ต้องทราบก่อนว่าในโรงงาน หรือสถานประกอบการต้องการใช้ลมประเภทไหน ลมสะอาดมากหรือน้อย มีน้ำมันปนไปกับลมได้ไหม ถ้าทราบแน่ชัด ก็ย้อนกลับไปดูข้อมูลเกี่ยวกับปั๊มลมว่า ควรจะใช้ปั๊มลมประเภทไหนในโรงงานหรือสถานประกอบการ
2. ปริมาณลมที่ใช้ มากกว่า 90% ที่โรงงานอุตสาหกรรม หรือ สถานประกอบการต่าง ถูกผลิตออกมาใช้โดยปั๊มลม 3 ประเภท คือ ปั๊มลมแบบลูกสูบ ปั๊มลมแบบสกรู และปั๊มลมแบบกังหัน ทีนี้เรามาดูว่าปั๊มลมแบบไหนจะเหมาะสมกับโรงงานหรือสถานประกอบการของเรา โดยพิจารณาได้ดังนี้
2.1 ถ้าปริมาณการใช้ลมมีไม่มากและใช้ไม่ต่อเนื่อง ควรเลือกใช้ปั๊มลมแบบลูกสูบ เพราะว่าราคาไม่แพง ดูแลและซ่อมบำรุงง่าย ราคาอะไหล่ถูก ทำความดันลมได้สูง ส่วนข้อเสียก็มีเหมือนกันคือ มีเสียงดังขณะทำงาน ถ้าเปิดต่อเนื่องนานๆ โดยไม่หยุดพักเครี่อง อาจชำรุดได้ และปริมาณลมที่ผลิตได้เทียบกับระยะเวลา จะได้ช้ากว่าแบบสกรูและแบบกังหัน
- 2.2 ถ้าต้องการปริมาณลมน้อย ปานกลาง และมาก โดยใช้เวลาผลิตลมอัดสั้น ควรเลือกใช้ปั๊มลมแบบสกรู ปั๊มลมแบบนี้นิยมใช้กันมากในปัจจุบันนี้ มีทั้งแบบหล่อลื่นด้วยน้ำมัน (Oil – Flooded ) และแบบหล่อลื่นด้วยน้ำ (Oil Free) ข้อดีที่เห็นได้ก็คือ ผลิตลมอัดออกมาได้เร็วและต่อเนื่องเป็นเวลานานได้โดยไม่ต้องหยุดเครื่อง มีเสียงเงียบ ลมออกได้สม่ำเสมอ ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ดีเมื่อเทียบกับปั๊มลมแบบลูกสูบที่มีกำลังเท่าๆ กัน ข้อเสียก็มีบ้างคือ ตัวเครื่องของใหม่ และอะไหล่มีราคาสูง ทำแรงดันลมอัดได้ไม่สูงมากประมาณ 14 บาร์ (Bar) ซึ่งตามปกติโรงงาน โรงพิมพ์ทั่วไป จะใช้แรงดันลมอยู่ที่ 6-7 บาร์ (Bar)
- 2.3 โรงงานหรือสถานประกอบการที่ต้องการใช้ลมอัดในปริมาณมาก ในระยะเวลาสั้นอย่างต่อเนื่อง มักจะเลือกใช้ปั๊มลมแบบกังหัน เพราะลมที่ออกมามีความสะอาด มีปริมาณเพียงพอ ส่วนมากจะใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น โรงงานปั่นด้าย ทอผ้า เป่าและฉีดพลาสติก อุตสาหกรรมเหล็ก ปิโตรเคมีต่างๆ เป็นต้น ส่วนข้อเสียก็มีคือ มีราคาแพงมาก อะไหล่มีราคาสูง ถ้าขนาดปั๊มลมมีขนาดใหญ่มากต้องติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า และตู้คอนโทรลแยกต่างหากออกมาจากระบบต่างๆ ของเครื่องจักรทั่วไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น